Translate

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรียนภาษาอังกฤษเตรียมสอบที่อุบลราชธานี

เตรียมสอบ TOEIC รับรองผล 600+
สอบ TOEIC 600+
เรียนเพื่อเตรียมตัวสอบ ด้วยหลักสูตรเร่งรัด เน้นการสอบเข้าทำงานในอุตสาหกรรมการบิน 
วิศวกรรม องค์กรระหว่างประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร
รับรองผล 600+ ไม่ผ่านเรียนซ้ำฟรีจนผ่าน
การันตรีด้วยทีมงานอาจารย์ที่มีคุณภาพ ที่ผลสอบ TOEIC 800+


สนใจสอบถา่มเพิ่มเติมได้ที่ 045-265-577 หรือ 083-744-4155
หรือติดต่อโดยตรงได้ที่ สถาบันภาษา อาภาพชร อุบลราชธานี 
(ที่ทำการแห่งใหม่) ถนนบูรพาใน อุบลราชธานี
หรือแผนที่ได้ที่เว็บไซด์ www.test-thailand.com (ด้านล่างเว็บไซด์)


วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Opportunity Chance แปลว่า โอกาส By chance แปลว่า โดยบังเอิญ

Opportunity แปลว่า โอกาส



คำนี้เป็นคำนามแปลว่า “โอกาส” ถ้าเป็นโอกาสดีๆ ในชีวิต หรือ ที่เรียกกันว่า “โอกาสทอง” เราจะใช้คำว่า “Golden Opportunity” นอกจาก Opportunity ที่แปลว่า “โอกาส” แล้ว ยังมีอีกคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันนั่นคือ

Chance แปลว่า โอกาส

คำนี้เป็นคำนามแปลว่า “โอกาส” แต่โอกาสของ Chance จะต่างจากโอกาสของ Opportunity เพราะโอกาสแบบ Chance เป็นลักษณะของความบังเอิญมากกว่า ไม่ใช่โอกาสแบบ Opportunity ที่ถูกสร้างขึ้นมาหรือสะสมผ่านมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น Chance จึงมีกลิ่นอายของ “โอกาสแบบฟลุ๊คหรือแบบบังเอิญ” จึงมีสำนวนภาษาอังกฤษคำหนึ่งที่ใช้กันบ่อยๆ นั่นคือ

By chance แปลว่า โดยบังเอิญ

การเลือกใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้คำแปลภาษาไทยเป็นตัวตั้งก่อน จึงไม่ใช่หลักเกณฑ์ที่ถูกต้องเพราะจะก่อให้เกิดความผิดพลาดในการสื่อความหมายได้ง่าย ดังเช่นคำว่า Chance กับ Opportunity ที่แม้ว่าจะแปลว่า “โอกาส” เหมือนกัน แต่ลักษณะ การใช้งานจริงกลับแตกต่างกันอย่างมากทีเดียว

ถึงแม้ว่า “โอกาสจะมีไว้พุ่งชน” แต่เราต้องเลือกว่า เป็นโอกาสแบบ Opportunity หรือแบบ Chance เพราะ ถ้าเราพุ่งชน Opportunity โอกาสได้โอกาสดีก็มีให้เห็น แต่ถ้าเลือกชนแบบ Chance โอกาสพลาดโอกาสแพ้ก็มี เพราะอย่างที่บอก Chance เป็นโอกาสที่เข้ามาแบบบังเอิญๆ

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยคอะไร (What Phrases)

ประโยคอะไร (What Phrases)
บทเรียนนี้นำเสนอประโยคภาษาอังกฤษที่ขึ้นต้นด้วยคำถามอะไร

1. What are you doing?
คุณทำอะไรอยู่

2. What are you talking about?
คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

3. What are you going to do tomorrow?
วันพรุ่งนี้คุณจะทำอะไร

4. What is this?
นี่คืออะไร

5. What is that?
นั่นคืออะไร

6. What are we going to cook?
เรากำลังจะทำอะไรกิน

7. What is going to happen next year?
อะไรจะเกิดขึ้นในปีหน้า

8. What time is it?
กี่โมงแล้ว

9. What's wrong?
เป็นอะไรไป

10. I don't know what you're talking about.
ผม/ฉัน ไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไรอยู่

11. What do you want to be when you grow up?
คุณอยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้น

12. What is your name?
คุณชื่ออะไร

13. What is your nationality?
คุณสัญชาติอะไร

14. What did you do yesterday?
คุณทำอะไรเมื่อวานนี้

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

TOEIC 600+ รับรองผล



วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การเน้นย้ำในภาษาอังกฤษ

การเน้นย้ำในภาษาอังกฤษ

1. การทำประโยคให้อยู่ในรูป Passive voice
Example:
John’s monthly report is expected by the end of the week.
รายงานประจำเดือนของจอห์นถูกคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นสัปดาห์นี้

2. การใช้ Inversion
สลับที่กริยาประธานและกริยาในประโยค โดยวางกริยาไว้หน้าประธาน ละขึ้นต้นประโยคด้วยบุพบทวลี Examples:

Seldom have I felt so alone.
นานๆที ที่ฉันจะรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้

3. การใช้ adverbs เพื่อแสดงถึงความรำคาญในประโยคนั้นๆ เช่น
Examples:
Martha is always getting into trouble.
มาร์ธามักจะมีปัญหาอยู่เสมอๆ
** แต่ในรูปแบบนี้มักใช้ใน Present continuous tense หรือ Past continuous tense แสดงถึงการกระทำที่ต่อเนื่องของประธานเป็นส่วนใหญ่

4. การขึ้นต้นประโยคด้วย It
โดยยังคงประธานและกรรมของประโยคเอาไว้คงเดิม เพื่อเป็นการเน้นย้ำประธานหรือกรรมของประโยค หลังประธานหรือกรรมมักตามหลังด้วย Relative clause เสมอๆ
Examples:
It is the awful weather that drives him crazy.
มันเป็นเพราะอากาศแย่ๆนั่นแหละที่ทำให้เขาบ้า

5. การขึ้นต้นประโยคด้วย What
ไม่ใช่การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นคำถามแต่อย่างใด แต่การที่ขึ้นต้นประโยคด้วย what ตามด้วย clause จะเป็นการเน้นย้ำกรรมหรือประธานของประโยคได้เช่นเดียวกัน แต่ต่างกันคือเมื่อเติม What แล้ว What จะทำหน้าที่เสมือนเป็นประธานของประโยคนั้นๆ จึงไม่ต้องใส่ประธานเพิ่มอีก
Examples:
What we need is a good long shower.
สิ่งที่พวกเราต้องการก็คือการได้อาบน้ำฝักบัวนานๆ

6. การใช้ 'Do' or 'Did' เพื่อเน้นย้ำภาคแสดงของประโยค
ถึงแม้ว่าไวยากรณ์ภาษาอังกฤษจะไม่อนุญาติให้ใช้ do, did, does ได้ในประโยคบอกเล่า แต่ในกรณีที่ต้องการเน้นย้ำ ถือเป็นข้อยกเว้นที่สามารถใช้กริยาช่วยเล่านี้ได้ โดยวางกริยาช่วยไว้หน้ากริยาที่ต้องการเน้นย้ำ เช่น

Examples:
I do believe that he didn’t mean to break the window.
ฉันเชี่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำหน้าต่างแตก จะเน้นว่าฉันเชื่อ ให้ความรู้สึกว่าเชื่อจริงๆ

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรียนภาษาที่สองต้องเรียนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษต้องเรียนกับ TEST

นักวิทยาศาสตร์ในอินเดียและอังกฤษที่ร่วมกันศึกษาอาการสมองเสื่อม พบว่า ผู้ป่วยที่พูดสองภาษาเริ่มมีอาการสมองเสื่อม (dementia) ช้ากว่าผู้ป่วยที่พูดภาษาเดียว 4.5 ปี โดยพบแนวโน้มเช่นนี้ในกลุ่มผู้ป่วยสมองเสื่อมทั้งสามประเภท รวมถึงอัลไซเมอร์ โดยไม่เกี่ยวกับปูมหลังด้านการศึกษาหรือรายได้

ที่มา-คมชัดลึกออนไลน์

ดังนั้น มาเรียนภาษาที่สองกันเถอะค่ะ จะเป็นการเรียนเพื่อสนทนา หรือ Conversation เป็นคอร์สสำหรับการสนทนาภาษาอังกฤษโดยเน้นการสนทนาที่พูดคุยในเรื่องชีวิตประจำวันจะเริ่มจากพื้นฐานทั่วไปจนถึงระดับสูงที่นำเอาไปพรีเซนต์งานหรือโปรเจคต่างๆ ติดต่อสอบถามได้ที่ สถาบันฯ ของเรานะค่ะ มีทั้งสาขาอุบลราชธานีและศรีสะเกษ รวมถึงเชียงใหม่ด้วยนะค่ะ สอบถามข้อมูลก่อนตัดสินใจเรียนได้ค่ะ



วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรียนภาษาอังกฤษ ง่ายนิดเดียว >> รูปภาพนักเรียนช่วงเดือน พฤศจิกายน

เรียนสนทนาภาษาอังกฤษ เรียนเพื่อสอบสัมภาษณ์งาน เพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อสนทนากับเจ้าของภาษา เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพรีเซนต์งาน หรือโปรเจคต่างๆ กับคอร์ส Conversation 
หรือเรียนเพื่อปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ เรียนเพื่อฟื้นฟูภาษา โครงสร้างไวยากรณ์ต่างๆ กับคอร์ส Grammar Refresher
รูปภาพส่วนหนึ่งของสถาบันกับคอร์สเรียน Conversation และ Grammar Refresher


วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ว่าด้วยเรื่อง Everybody,Somebody, Anybody, and Nobody.

Everybody,Somebody, Anybody, and Nobody.


This is a little story about four people named Everybody,
Somebody, Anybody, and Nobody.
There was an important job to be done
and Everybody was sure that Somebody would do it.
Anybody could have done it, but Nobody did it.
Somebody got angry about that because it was Everybody’s job.

Everybody thought that Anybody could do it,

but Nobody realized that Everybody wouldn’t do it.

It ended up that Everybody blamed Somebody
when Nobody did
what Anybody could have done.

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคน 4 คน
ที่มีนามว่า “ทุกคน” “บางคน”
”ใครซักคน” และ “ไม่มีใคร”
เรื่องมีอยู่ว่า มีงานสำคัญงานหนึ่งที่จะต้องทำให้เสร็จ
"ทุกคน”แน่ใจว่า “บางคน” จะทำ
ส่วน ”ใครซักคน” ควรจะทำให้เสร็จ แต่ “ไม่มีใคร” ทำ
”บางคน” โมโหเพราะเป็นงานของ”ทุกคน”
"ทุกคน” คิดว่า “ใครสักคน”ควรจะทำ
แต่”ไม่มีใคร” ระลึกได้ว่า “ทุกคน” ไม่ได้ทำ
เรื่องนี้จบลงด้วยการที่ “ทุกคน” กล่าวโทษ “บางคน”
ในขณะที่ “ไม่มีใคร” ทำในสิ่งที่
“ใครซักคน” ควรจะทำให้สำเร็จ

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Conversation สนทนาภาษาอังกฤษ กับอาจารย์เจ้าของภาษา

เตรียมตั้งชั้น !!!
Conversation สนทนาภาษาอังกฤษ กับอาจารย์เจ้าของภาษา
---->>>> สาขาอุบลราชธานี เรียนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00 - 18.00 น.
สนใจลงชื่อพร้อมเบอร์โทรติดต่อกลับ พร้อมเปิดเร็วๆนี้

---->>>> สาขาศรีสะเกษ ติดต่อจองคอร์สได้ตามเบอร์โทร 087-494-5474 , 081-879-5006 หรือติดต่อได้ที่ตึก ed-center ชั้น 2 (สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเก่า)