Translate

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การใช้ Articles (A, An, The) ฉบับย่อ

การใช้ Articles (A, An, The)

‘A’, ‘An’, ‘The’ 
สามองค์ประกอบในภาษาอังกฤษที่เราแสนจะคุ้นหน้าคุ้นตา ที่ปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่า
 “ไม่เคยเรียนเลยสามตัวนี้” 
แต่ทำไมหนอ คนไทยเรามักใช้สามตัวนี้แบบผิดๆ
A และ An ยังถือว่าค่อนข้างง่าย เมื่อใดที่ใช้ผิด หรือเขียนตกไป อาจเป็นเพราะหลงลืมเป็นครั้งคราว 
แต่การใช้ The ของคนไทยแบ่งได้เป็นสองประเภทคือ
1. ใช้ The นำทุกคำที่เป็นคำนาม 
2. เมื่อ The มันใช้ยากนัก ก็ไม่ต้องใช้มันเลย...หมดเรื่อง

เรียนภาษาอังกฤษติวเสริมเพิ่มเกรด ที่อุบลราชธานี (TEST)

มาเรียนภาษาอังกฤษกับ TEST วันนี้ สมัคร 4 ฟรี 1 

เรียนเสริมภาษาอังกฤษ เพิ่มเกรด เตรียมสอบ ง่ายนิดเดียว

แค่ให้ TEST ช่วยดูแล เริ่มต้นง่ายๆกับโครงสร้าง Simple Present  Tense

ลองฝึกกันแต่งประโยคดูนะค่ะ จะได้ทบทวนความรู้ไปในตัวด้วย ^^

เช่น Does she like coffee?


///////////////////////////////////////////



วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ภาษาอังกฤษน่ารู้ : ภาษาอังกฤษพารวย

ภาษาอังกฤษมีศัพท์มากมายที่แนะนำให้คุณเก็บเงินไว้เผื่อใช้ในยามคับขัน ถ้าคุณสนใจในการเก็บหอมรอมริบ ลองเรียนความหมายของสำนวนต่อไปนี้แล้วนำไปใช้ !

Penny-pinching. หมายถึงเก็บสะสมเงิน หรือคนที่ไม่เต็มใจที่จะจับจ่ายใช้สอยเงินที่มีอยู่ อย่างเช่น I have to do some penny-pinching this month if I want to buy that coat!

A penny saved is a penny earned.  หมายถึงการไม่ใช้จ่ายเงินนั้นออกไปก็เท่ากับการได้เงินนั้นเข้ามาเพราะว่ามันยังอยู่ในกระเป๋าของคุณนั่นเอง !

The best things in life are free.  มีความหมายเทียบเท่ากับ Money isn't everything, นั่นคือเงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้นั่นเอง เช่น ความรัก มิตรภาพ และสุขภาพ

Saving for a rainy day. หมายถึงเก็บเงินออมไว้เผื่อไว้ใช้ในอนาคต หรือเก็บเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

Penny wise, pound foolish.  หมายถึงคนที่จุกจิกระมัดระวังการใช้จ่ายครั้งย่อยๆ แต่ละเลยไม่รอบคอบเมื่อจ่ายครั้งใหญ่ๆ เป็นจำนวนเงินมากๆ

A fool and his money are soon parted. สำนวนนี้ให้ข้อคิดกับเราว่าคนโง่ไม่รู้จักรักษาเงินของตัวเอง !

Early to bed and early to rise, makes a man healthy, wealthy and wise.  เป็นคำกล่าวของ Benjamin Franklin ที่รู้จักกันดี หมายถึงถ้าคุณเข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้าตรู่ คุณสามารถรวยได้ !

Money doesn't grow on trees. หมายถึงเงินทองเป็นของหายาก พ่อแม่มักบอกลูกๆ อย่างนี้ถ้าลูกเห็นอะไรก็อยากซื้อไปซะทุกอย่าง !

Money talks.  เป็นสำนวนสมัยใหม่หมายความว่าเงินมีอำนาจ หรือเงินบันดาลให้อะไรเกิดขึ้นได้

In for a penny, in for a pound. สำนวนนี้ปัจจุบันหมายความว่าถ้าคุณเริ่มอะไรซักอย่างแล้วก็ควรทำต่อไปให้เสร็จ แม้ว่าคุณจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่คาดไว้ก็ตาม ส่วนความหมายดั้งเดิมคือถ้าโทษของการทำผิดไม่ว่าจะเล็กใหญ่ก็มีความรุนแรงเท่ากัน ผู้คนจะเลือกทำผิดครั้งใหญ่เพราะหวังอยากได้ผลประโยชน์มากกว่า

ที่มา English Town

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สำนวนที่เกี่ยวกับ All 

>>after all  แปลว่า อย่างไรก็ดี ตัวอย่างเช่น
        It has turned out to be a nice day after all.
        อย่างไรก็ดี ก็กลายเป็นวันอากาศดีไปจนได้
>>at all  แปลว่า แม้แต่น้อย ตัวอย่างเช่น
        He doesn't understand me at all.
        เขาไม่เข้าใจฉันเลยแม้แต่น้อย

>>all along  แปลว่า ในระหว่างอดีตที่ผ่านมาแล้วจนถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น
        Even though she has changed so much, I knew all along that it was my friend.
        แม้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปมาก แต่ฉันก็รู้ตลอดเวลาว่า คือ เพื่อนของผม

>>all over the place  แปลว่า อยู่ทั่วทุกที่
        "Nat, how can you get any work done? Your papers are all over the place.
        แน็ต คุณจะทำงานเสร็จได้ยังไง ในเมื่อเอกสารวางอยู่เกลื่อนโต๊ะอย่างนี้

>>all told  แปลว่า เมื่อได้นับครบทุก ๆ สิ่งแล้ว  ตัวอย่างเช่น
        He owns fifteen horses all told.
        เมื่อนับครบถ้วนแล้ว เขามีม้าอยู่ 15 ตัว

>>all set  แปลว่า เตรียมพร้อมอยู่แล้วทุกขณะ  ตัวอย่างเช่น
        Our plans for the new corporation are all set.
        แผนการสำหรับบริษัทใหม่นั้นพร้อมอยู่แล้ว

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

จดหมายลางาน ภาษาอังกฤษ

จากบทความก่อนๆที่เราเคยนำวิธีเขียนจดหมายสมัครงานมาฝากกัน มาในคราวนี้หลังจากที่เราได้เข้าไปทำงานแล้ว ในบางครั้งเองเราต้องการที่จะลางานเนื่องจากมีธุระส่วนตัว ธุระครอบครัว เพื่อนรับปริญญา ต้องไปพบหมอบ้างล่ะ แต่ดันตรงกับวันทำงานทีนี้วิธีเดียวที่ทำได้คือเขียนจดหมายลาค่ะ ถ้าจะให้เขียนเป็นภาษาไทยใครๆก็เขียนได้ แต่ถ้ามันไม่ใช่ภาษาไทยแต่เป็นภาษาอังกฤษล่ะทำไงดี วันนี้เอง Test จึงได้นำตัวอย่างประโยคที่ใช้ในการลางานมาฝากเพื่อนๆกันเผื่อว่าใครที่ต้องการจะเขียนลาจะได้นำตัวอย่างประโยคเหล่านี้ไปปรับใช้ได้เลยค่ะ 

ตัวอย่างสำนวนที่ใช้ในการลางานค่ะ

I would like to request sick leave for 3 days  from January 2, 2011 to January 4, 2011 because I have a flue. Hope you consider this request and grant me the leave. I will send you the medical certificate when I am back.

          "ดิฉันขอลาป่วยเป็นเวลา … วัน เริ่มจากวันที่ … ถึง วันที่ … เนื่องจากดิฉันเป็นไข้หวัดใหญ่ หวังว่าคุณจะพิจารณาคำขอและอนุมัติการลา ดิฉันจะส่งใบรับรองแพทย์ให้แก่คุณ เมื่อดิฉันกลับมา"

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Loss Loose ต่างกันอย่างไร

มีหลายคำที่ทำให้หลายคนสับสน งงๆ ดูคล้ายๆ ออกเสียงคล้ายกัน แต่ระวังนะคะ ความหมายอาจจะไม่เหมือนกัน ถ้าไม่รู้ว่า คำนี้ทำหน้าที่เป็น กิริยา หรือ คำนาม รวมไปถึงความหมาย อาจจะ ส่งผลให้ผู้ฟังหรือผู้อ่าน เข้าใจผิดได้ หนึ่งในหลายๆคำที่อยากยกตัวอย่างคือ กลุ่ม Lose Loss Loose ฯลฯ
 มาดูความหมายของแต่ละคำก่อนคะ
 lose        lost (past tense) 
lost (past participle) = v. แพ้ หรือ ทำหาย
 loss =  N. การแพ้ หรือ การสูญหาย
 loose = adj. หลวม
 loosen = v. ทำให้หลวม
 lost = adj. หลงทาง หรือ งง ตัวนี้ย้ำนะคะว่าเป็น adj 
ไม่ได้ทำหน้าที่เป็น กิริยา
 ฉะนั้น ความหมายก็จะไม่เหมือนกัน 
การพูดและเขียนก็จะวางตำแหน่งที่ต่างกันด้วย

มาดูตัวอย่างประโยค

A disease can cause fever and a …. of appetite.

ตำแหน่งคำตรงนี้ ต้องเป็น คำนาม ก็คือคำว่า loss
(โรคสามารถก่อให้เกิด การสูญเสียการอยากกินอาหาร)

Harry is ……….. his tie.
ตำแหน่งคำตรงนี้ต้องเป็น คำกริยา ก็คือคำว่า loosen
แต่ต้องเป็น present continuous เลยเป็นคำว่า loosening
(แฮรี่ กำลังคลาย เนคไท ของเขา)

Two boys are searching for a ……….. ball.
ตำแหน่งคำตรงนี้ต้องเป็น คำ adjective ก็คือคำว่า lost

It’s not unusual to feel ….. when you first start university.
ตำแหน่งคำตรงนี้ต้องเป็น คำ adjective ก็คือคำว่า lost

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การใช้ another และ other

คราวนี้เราจะมาพูดถึงการใช้ another และ other 

ซึ่งบางครั้งจะสับสนไม่รู้จะใช้อันไหนดี


ถึงอย่างไรก็ตามแต่ละตัวจะมีหลักการใช้ที่แตกต่างกัน ดังนี้

Another + N.singular แปลว่า อีกอันหนึ่งที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจ

Other + N.plural หรือ others แปลว่าอีกที่เหลือ

The other + N.singular หรือ the other แปลว่า อีกหนึ่งอันที่เหลือ 
ที่คนพูดกับคนฟังรู้กันว่าคืออันไหน


The other + N.Plural หรือ the others 
แปลว่า อีกหลายอันที่เหลือ ที่คนพูดกับคนฟังรู้กันว่าคืออันไหน




มาดูตัวอย่างกันดีกว่า



I will have another cup of coffee.
(ฉันจะดื่ม กาแฟ อีกแก้วหนึ่ง)

I love singing, but other people love dancing.
(ฉันรักการร้องเพลง แต่คนอื่นๆ ชอบการเต้นรำ)

I have two brothers. One is a doctor, and the other bother is a soldier.
(ฉันมีพี่ชายสองคน คนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนหนึ่งที่เหลือ เป็นทหาร)

I chose this dress because the other dresses were too small.
(ฉันเลือกชุดนี้ เพราะว่า ชุดอื่นๆที่เหลือ นั้นดัวเล็กเกินไป)

ลองเอาไปใช้กันนะค่ะ

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง



วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

คนทีมีความสุขที่สุด ไม่ใช่คนที่ "มี" ทุกอย่างในชีวิตดีที่สุด

แต่คือคนที่สามารถ "ทำ" ทุกอย่างในชีวิตให้ดีที่สุด





วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Active & Passive Voice

ประโยค Active Voice คือ ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยา เช่น
John eats bread. (John ทานขนมปัง)
ประธานของประโยคนี้ คือ John ซึ่งเป็นผู้กระทำกริยา eats

ประโยค Passive Voice คือ ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำด้วยกริยา เช่น
Bread is eaten by John. (ขนมปังถูกทานโดย John)
ประธานของประโยคนี้ คือ Bread ซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำกริยา eats โดย John

เราจะใช้ประโยค Passive Voice แทน Active Voice

เมื่อเราต้องการ เน้นผู้ถูกกระทำหรือเมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ไม่ทราบว่าผู้กระทำเป็นผู้ใด เช่น
เมื่อปากกาเราถูกขโมย เรามักจะพูดว่า
My pen was stolen. (ปากกาของฉันถูกขโมยไปแล้ว)
เราไม่นิยมพูดว่า A thief stole my pen. (ขโมยได้ขโมยปากกาของฉันไปแล้ว)

หลักในการเปลี่ยนประโยค Active Voice เป็น Passive Voice
1. นำกรรมของประโยค Active Voice มาเป็นประธานของประโยค Passive Voice เช่น
Active Voice : John eats bread.
=> Passive Voice : Bread is eaten by John.
2. เปลี่ยนคำกริยาของประโยค Active Voice เป็นช่องที่ 3 และจะต้องมี Verb to be อยู่หน้าคำกริยานั้นเสมอ
(จะใช้ Verb to be ตัวใด ขึ้นอยู่กับประธานของประโยค Passive Voice
และ Tense ของคำกริยาตัวเดิมใน Active Voice) เช่น
Active Voice : John eats bread.
=> Passive Voice : Bread is eaten by John.
*** ใช้ is eaten เพราะประธานของ Passive Voice เป็นนามนับไม่ได้ และคำกริยาของ Active Voice เป็นช่อง 1 (eats)
3. นำประธานของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive Voice โดยมีคำว่า by นำหน้า เช่น
Active Voice : John eats bread.
=> Passive Voice : Bread is eaten by John.
** ถ้าประธานของประโยค Active Voice เป็นคำสรรพนาม (Pronouns)
เมื่อเปลี่ยนไปเป็นกรรมของประโยค Passive Voice
จะต้องเปลี่ยนรูปเป็นกรรมตามไปด้วย เช่น
Active Voice : He ate bread.
=> Passive Voice : Bread was eaten by him.

การเขียนประโยค Passive Voice
ให้คำนึงถึง คำกริยาในประโยค Active Voice ใน 2 ลักษณะ ดังนี้
1. ถ้าในประโยค Active Voice มี คำกริยาช่วยกับคำกริยาแท้
เมื่อเขียนเป็นประโยค Passive Voice ส่วนที่เป็นกริยาจะประกอบด้วย
คำกริยาช่วย + be + คำกริยาช่องที่ 3
เช่น
Active Voice : Jenny can drive a car.
=> Passive Voice : A car can be driven by Jenny.
Active Voice : He will drink coffee.
=> Passive Voice : Coffee will be drunk by him.
Active Voice : She has to speak English. (has to หรือ have to มีความหมายว่า "จำเป็นต้อง")
=> Passive Voice : English has to be spoken by her.
Active Voice : Mark ought to do homework this evening.
(ought to มีความหมายว่า "ควร/ควรจะ")
=> Passive Voice : Homework ought to be done by Mark this evening.
2. ถ้าในประโยค Active Voice มี เฉพาะคำกริยาแท้ ไม่มีคำกริยาช่วย
เมื่อเขียนเป็นประโยค Passive Voice ส่วนที่เป็นกริยาจะประกอบด้วย
Verb to be + คำกริยาช่องที่ 3
โดยส่วนที่เป็น Verb to be นั้น
จะเปลี่ยนรูปไปตามคำกริยาแท้ในประโยค Active Voice
เช่น
Active Voice : Jenny ate rice.
=> Passive Voice : Rice was eaten by Jenny.
(Verb to be ใช้ was เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นช่องที่ 2 = ate
และประธานของประโยค Passive Voice เป็นนามนับไม่ได้ = Rice)
Active Voice : Mark does homework everyday.
=> Passive Voice : Homework is done by Mark everyday.
(Verb to be ใช้ is เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นช่องที่ 1 = does
และประธานของประโยค Passive Voice เป็นนามนับไม่ได้ = Homework)
Active Voice : She is making a doll.
=> Passive Voice : A doll is being made by her.
(Verb to be ใช้ is being
เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นรูปปัจจุบันกำลังกระทำ = is making
และประธานของประโยค Passive Voice เป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 = A doll)
Active Voice : He was making dolls.
=> Passive Voice : Dolls were being made by him.
(Verb to be ใช้ were being
เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นรูปอดีตกำลังกระทำ = was making
และประธานของประโยค Passive Voice เป็นพหูพจน์บุรุษที่ 3 = Dolls)

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เกร็ดความรู้ก่อนสอบภาษาอังกฤษ TOEFL TOEIC GAT O-Net

เกร็ดความรู้ก่อนสอบภาษาอังกฤษ TOEFL TOEIC GAT O-Net


Passive Voice คือ การสลับประธานกับกรรมของประโยค I knocked you down. 

เปลี่ยนเป็น You were knocked by me. อันนี้ง่ายต่อการเข้าใจ แต่ในภาษาอังกฤษ มีสองกรณีที่ยากต่อการเข้าใจ


1. ประธานไม่ปรากฏให้เห็น A car is broken.

2. คำกริยาเกี่ยวกับความรุ้สึกของคน เช่น interest. disappoint, annoy and etc.



รูปประโยค Passive Voice

I am หรือ get interested in that thing. ฉันสนใจในสิ่งนั้น

subject คือ a thing ทำกริยา interest มีกรรม คือ I คนเรา (ฉัน)


**************************************


มาเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนกันนะค่ะ 
สำหรับคอร์สที่กำลังจะเปิดใหม่วันนี้มี



Conversation(ระดับต้น-กลาง) เรียนวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 13.00-15.00 น. (ยังไม่กำหนดวันเปิดเรียนอยู่ในช่วงรวบรวมกลุ่ม)



***สนใจเรียน รีบลงชื่อฝากเบอร์โทรติดต่อกลับไว้ได้นะค่ะ

 หรือจะโทรสอบถามตามเบอร์ 045-265-577 หรือ 083-744-4155

 หรือ จะเข้ามาติดต่อสอบถามเองก็ได้ค่ะ 

ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ 09.00-19.00 น.




วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


"The secret of success in life is to be ready 
for your opportunity when it comes."


ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ
สำหรับโอกาสที่มาถึง





เปิดแล้วค่ะ คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ 

สมัครได้แล้วนะคะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป



TOEFL  IELTS  TOEIC  GAT O-NET 
Admission  Grammar Refresher
Conversation  Kids 



สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
เบอร์ 045-265577  และ  083-7444155

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรียนภาษาอังกฤษ อุบลราชธานี

Myself กับ By myself ใช้ยังไงให้ถูก


“Myself” or “By myself” ???

คาดว่า คำถามนี้ ต้องเคยเด้งขึ้นมาในหัวของหลายๆ คน เวลาที่จะเขียนว่า ฉันทำสิ่งนั้น สิ่งโน้น ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่เคลียร์สักที ว่าตกลง จะต้องใช้ บุพบท by ก่อน myself หรือไม่

มองไปมองมา ไม่ว่าจะใช้ หรือไม่ใช้ by ก็ดูคลับคล้ายคลับคลาไปหมด สาเหตุที่หลายๆ คนสับสนงงงวยเช่นนี้ ก็เพราะ มันมีทั้งแบบที่ต้องใช้ by และแบบที่ไม่ควรใช้ครับ เปรียบเทียบประโยคตัวอย่างข้างล่างนี้ดูละกันนะ

• I know it looks like someone must have helped me do it, but I did it myself.
• I really made this soup by myself, although it is so delicious that many cannot believe it!
ทำไมละเนี่ย มาแปลประโยคกันก่อนอธิบายละกันนะ
• I know it looks like someone must have helped me do it, but I did it myself.
ฉันรู้ว่า นี่ดูเหมือนว่า ต้องมีใครช่วยฉันทำแน่ๆ แต่ฉันเป็นคนทำเองนะ
• I really made this soup by myself, although it is so delicious that many cannot believe it!
ฉันทำซุปนี่ด้วยตัวเองนะ ถึงแม้ว่ามันจะอร่อยมากจนหลายๆ คนไม่อยากจะเชื่อ

ประโยคที่ 1 เน้นความหมายว่า ทำเองคนเดียว ไม่ได้มีคนอื่นช่วย (I did it, not anybody else) กรณีนี้ ไม่ต้องใช้ บุพบท by นะคร้าบ

ประโยคที่ 2 เน้นความหมายว่า ทำด้วยตัวเอง มีความหมายเหมือนกับ on my own กรณีนี้ ต้องใช้ บุพบท by เสมอ ขอรับกระผม

ถ้าใครยังไม่ชัวร์ว่าแล้วประโยคของฉัน ควรใส่ by หรือไม่ ก็ลองโพสต์มาถามกันนะ จะได้เป็นตัวอย่างเพิ่มเติมให้เพื่อนๆ ด้วย ลองดูนะ

ให้ TEST ช่วยอีกแรง 045-265-577 /093-744-4155

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรียนภาษาอังกฤษ TOEFL Listening เปิดแล้ววันนี้

มาแล้วๆ ๆ ค่ะ สำหรับ TOEFL Listening 20 hrs.

******ราคา 3,500 บาท พร้อมเอกสารประกอบการเรียน******



ลงชื่อ เบอร์โทร ฝากไว้ได้เลยค่ะ หรือ โทรมาที่ 045-265-577 



วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เตรียมสอบ TOEFL, IElTS, CU-TEP ที่สถาบันภาษาอาภาพชร อุบลราชธานี


TOEFL หรือ The Test of English as a Foreign Language   


       การสอบ TOEFL เป็น การสอบวัดความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติที่ ไม่ได้มีภาษา อังกฤษเป็นภาษาแม่อย่างคนไทย เพื่อนำผลคะแนนไปยื่นกับสถาบันการศึกษาที่หมายตาเอาไว้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในคุณสมบัติที่ใช้สมัครเรียนระดับต่างๆ 
        ผลคะแนน TOEFL นั้น ไม่เฉพาะใช้สมัครเรียนในสถาบันการศึกษาที่เป็นระบบอเมริกันเท่านั้น ปัจจุบันประเทศต่างๆ กว่า 110 ประเทศ และสถาบันการศึกษากว่า 6,000 แห่งทั่วโลก ยอมรับผลคะแนน TOEFL            
  
น้องๆ เพื่อนๆ คนไหน สนใจเรียน คอร์ส TOEFL ติดต่อมาหาเรานะคะ เรายินดีช่วยคุณ ทำให้ฝันเป็นจริงค่ะ ^_____^


TOEFL   (iBT)



รับสมัครแล้ววันนี้



พุธและศุกร์ เวลา 18.00-20.00 น.