วันนี้ทาง TEST ขอเสนอที่มาที่ไป
และประวัติความเป็นมาของคำว่า O.K. นะคะ
ภาษาช่างเป็นสิ่งลึกลับน่าอัศจรรย์
ทั้งยังเป็นอีกด้านหนึ่งของวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา เปลี่ยนแปลงได้ ไหลไปตามกระแสและกระจายไปทั่วโลกได้ โดยเฉพาะตั้งแต่ศตวรรษที่ 20
เป็นต้นมา มีการติดต่อสื่อสารกันถี่ขึ้น
คำบางคำได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก อย่าง
O.K. ( เขียนว่า okay หรือ OK ) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
ซึ่งเป็นคำของชาวอเมริกันที่คนทั่วโลกใช้กันมากที่สุด คำว่า O.K. เข้าไปผสมอยู่ในภาษาอื่นๆ
กว่าร้อยภาษา และเปลี่ยนแปลงไปตามท้องถิ่นของท้องถิ่นนั้นๆ
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นักเขียนและนักข่าวชาวอเมริกัน H.L.
Mencken ( เมนเคน ) เคยรายงานว่า
นายทหารอเมริกันพบว่าที่ทะเลทรายซาฮารามีชนเผ่าเร่ร่อน Bedouins ( เบดูอินส์
) และทหารญี่ปุ่นที่ประจำอยู่ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกได้ใช้คำว่า O.K. ในภาษาพูดของตนเอง
คำว่า O.K. เริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่เมื่อไร
สิ่งที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ยุคแรกสุดคือ
ปีค.ศ. 1839 ในหนังสือพิมพ์บอสตัน มอร์นิง โพสต์ ( Boston Morning Post ) ในสมัยนั้น
ผู้มีการศึกษากลุ่มหนึ่งชอบเล่นคำพลิกแพลง
จงใจสะกดคำผิด ก็เหมือนกับที่เด็กวัยรุ่นในปัจจุบันพิมพ์ว่า
How RU? (เป็นอย่างไรบ้าง) เช่นเดียวกัน
O.K. ก็คือ oll
correct เป็นการเขียนย่อแทนคำว่า all correct คำว่า
O.K. แรกเริ่มหมายถึง “ดี” หรือ
“ไม่มีปัญหา” ภายหลังผู้คนใช้คำนี้ต่อๆ
กันไปทั่วนิวยอร์ก จบประธานาธิบดี แวน
บูเรน ( Van Buren ) ก็ใช้คำนี้ในใบปิดหาเสียง
ก็ยิ่งทำให้คำนี้เป็นที่นิยมมากกว่าเดิม
และกระจายไปทั่วโลก ทั้งยังมีอิทธิพลต่อทุกภาษาในโลกอีกด้วย
ในปีค.ศ. 1957
ภาพยนตร์ตะวันตกเรื่อง Gunfight at
the OK Corral มักจะถูกแปลว่า
“ศึกเมือง OK” แม้ว่า corral จะแปลว่าลูกกรง และในเมืองที่มีการดวลกันจะเรียกว่า Tombstone (ศิลาจารึกหน้่าสุสาน)
ตามที่นักประวัติศาสตร์ว่าไว้ มือปืนไม่ได้ไปดวลกันที่ลูกกรงแต่เป็นบนถนนใหญ่
แม้จะเป็นเช่นนี้
ชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกก็เพราะมีคำว่า O.K.
ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ “วัฒนธรรม
O.K.” ก็คือ ในปีค.ศ. 1967
Dr. Harris ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง
I’m O.K.,You’re O.K. ซึ่งเป็นหนังสือที่ทำสถิติขายดีเทนำ้เทท่าและมีอิทธิพลไปไกลมาก
จนหลายๆ คนเริ่มใช้คำว่า I’m O.K. เพื่อแสดงสภาพความเป็นอยู่ และใช้ You’re
O.K. เพื่อแสดงว่าฉันมีความรู้สึกที่ดีต่อเธอ
ท้ายสุด ขอเสนอวัฒนธรรม O.K. ที่คุณผู้อ่านต้องคุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี
นั่นคือคำว่า O.K. ที่เห็นกันบ่อยๆ
ในคอมพพิวเตอร์หน้าต่างข้อความ ( dialog boxes ) ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มากมายทั่วโลกซึ่งมีข้อความให้เลือก
OK, Cancel และ Save (กดเลือก
OK) เป็นคำสั่งที่ใครๆ
ก็รู้จักแม้แต่คนที่แทบไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเลยก็ตาม
ถ้าหากลองหาดูใน Google
ก็จะพบว่า อิตาลี มีบริษัทมือถือบริษัทหนึ่งชื่อว่า Ok
Cellulari ที่อำเภอ Nagaski-ken ในญี่ปุ่นมีบริษัทหนึ่งชื่อ OK
Home Center ( home and garden products )
ที่ไต้หวันมี OK Bank
ที่เยอรมันมี OK Taxi
ที่ปารีสฝรั่งเศสมีบริษัททัวร์ชื่อ OK Tours ส่วนในเมืองไทยก็มีธุรกิจสินเชื่อ Capital OK เช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามีธุรกิจมากมายที่ใช้คำว่า OK
มาแสดงว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนนั้น “ใช้ได้ดี” ขอให้ผู้บริโภค “วางใจ” ได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น